ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี
ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? เป็นคำถามที่ใครหลายคนที่ต้องการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์สงสัย เพราะในปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อ หลายรุ่นที่ผลิตออกมา โดยมีคุณสมบัติและจุดเด่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไป การเลือก Filler ยี่ห้ออะไรดีที่สุด จึงเป็นเรื่องที่ควรศึกษาอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการและมีความปลอดภัย ในบทความนี้ Beautyrich จะสรุปข้อมูลให้อ่านกันค่ะ
คลิกอ่านหัวข้อ ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี
ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี มีรุ่นที่ดีที่สุดหรือไม่ ?
ในการเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี มีรุ่นที่ดีที่สุดไหม ? ความจริงแล้ว ไม่มีฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนหรือรุ่นไหนที่ดีที่สุด สำหรับฉีดทุกตำแหน่งบนใบหน้าและทุกสภาพผิว เพราะฟิลเลอร์แต่ละรุ่นถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้ในตำแหน่งต่าง ๆ บนใบหน้าไม่เหมือนกัน
ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกฉีด Filler ยี่ห้อไหนดี ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินสภาพปัญหาและแนะนำยี่ห้อ/รุ่นของฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่ต้องการฉีด และสภาพผิวของแต่ละบุคคล นอกจากนี้การเลือกใช้ฟิลเลอร์ยังขึ้นอยู่กับความชำนาญ และเทคนิคการฉีดของแพทย์แต่ละท่านด้วยเช่นกัน
รู้จักประเภทฟิลเลอร์ ว่ามีกี่แบบ ? มีเนื้อแบบไหนบ้าง ?
ก่อนเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ควรทำความเข้าใจกับประเภทของฟิลเลอร์กันก่อน โดยฟิลเลอร์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary Filler) : ฟิลเลอร์ประเภทนี้มีความปลอดภัยสูง สามารถคงอยู่ในผิวได้ประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ ซึ่งหลังจากนั้นฟิลเลอร์จะสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ เช่น ฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ชนิดเดียวที่ได้รับการรับรองจาก อย. และนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
- ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler) : ตัวอย่างของฟิลเลอร์ชนิดนี้ได้แก่ Calcium Hydroxyapatite, Poly-L-lactic acid (PLLA), และ Polyalkylimide มีอายุการใช้งานที่นานกว่าแบบชั่วคราว แต่ความปลอดภัยอาจไม่สูงเท่ากับฟิลเลอร์แบบชั่วคราว เพราะเมื่อฉีดไปนาน ๆ อาจเกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนหรืออักเสบได้
- ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Filler) : ฟิลเลอร์ชนิดนี้ ได้แก่ ซิลิโคนเหลว, พาราฟิน, และสาร Polymethyl-methacrylate (PMMA) เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวแล้ว ฟิลเลอร์จะฝังตัวอยู่ในชั้นผิวตลอดไป ไม่สามารถสลายตัวตามธรรมชาติ และไม่สามารถฉีดสลายได้ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงในระยะยาว หากต้องการนำออก จำเป็นต้องผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น
ในต่างประเทศสารเติมเต็ม (Filler) หมายถึงการฉีดสารเติมเต็มทุกประเภท แต่สำหรับในประเทศไทย คำว่า ฟิลเลอร์ หมายถึงสารเติมเต็มที่เป็นไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) หรือฟิลเลอร์แบบชั่วคราวเท่านั้น
องค์ประกอบของฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อ
องค์ประกอบหลักของฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อคือ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid : HA) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์จากน้ำตาลเชิงซ้อน สร้างขึ้นเลียนแบบสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ คุณสมบัติเด่นของ HA คือความสามารถในการอุ้มน้ำ ช่วยเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ให้ผิวดูเรียบเนียน เต่งตึง และคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้
นอกจากนี้ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ ยังมีปริมาณความเข้มข้นของ HA ที่แตกต่างกัน และบางรุ่นของฟิลเลอร์ยังมีการผสมลิโดเคน (Lidocaine) ซึ่งเป็นยาชาที่ช่วยลดความเจ็บปวดขณะฉีด ดังนั้นหากกำลังมองหาว่าจะเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบที่เหมาะสม และมีคุณภาพสูงก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
เนื้อฟิลเลอร์ มีกี่แบบ ?
เนื้อฟิลเลอร์ในแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น จะมีความแตกต่างกันตามคุณสมบัติของฟิลเลอร์ เพราะฉะนั้นการเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ควรเลือกตามเนื้อฟิลเลอร์เพื่อให้เหมาะกับปัญหา และตำแหน่งฉีด โดยแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ
- ฟิลเลอร์กลุ่มเนื้อฉ่ำ ลักษณะเนื้อมีอนุภาคละเอียดที่สุด ยากระจายในชั้นผิวได้ดีที่สุด ช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ต่อเนื่อง ยาวนานหลายเดือน
- ฟิลเลอร์กลุ่มเนื้อละเอียด ลักษณะเนื้อเจล มีความบางเบามาก ฉีดแล้วมีความสมานกลมกลืนไปกับผิว เหมาะกับการฉีดผิวชั้นตื้น ช่วยเก็บรายละเอียดริ้วรอยตื้น ๆ ได้
- ฟิลเลอร์กลุ่มเนื้อนิ่ม ลักษณะเนื้อเจลคล้ายเจลลี่ มีความยืดหยุ่นสูง เนื้อนุ่ม ไม่เป็นก้อน เหมาะกับการฉีดชดเชยชั้นไขมันที่ขาดหายไป
- ฟิลเลอร์กลุ่มเนื้อแน่น ลักษณะเนื้อเจลลี่คล้ายก้อนอิฐ มีความแข็งแรง คงรูปได้ดี เหมาะกับการใช้ชดเชยกระดูกที่ยุบตัวตามอายุในผิวชั้นลึก หรือใช้เสริมกระดูกในจุดที่ต้องการรูปทรงที่คมชัด
- ฟิลเลอร์กลุ่มเนื้อทน ลักษณะเนื้อฟิลเลอร์คล้ายกับกลุ่มเนื้อแน่น แต่มีความคงทนมากกว่า ขึ้นรูปได้ง่าย ใช้ชดเชยในผิวชั้นลึกชิดกระดูก
เลือกฉีดฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ ต้องพิจารณาอะไรบ้าง ?
การเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี แพทย์จะต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ไม่ใช่เพียงแค่คุณสมบัติของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อและรุ่นเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในการใช้กับตำแหน่งที่ต้องการฉีดด้วย
ในแต่ละตำแหน่งบนใบหน้าและแต่ละปัญหาที่พบ อาจต้องการเนื้อฟิลเลอร์ที่แตกต่างกัน บางครั้งอาจจำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์ 1-2 ชนิดร่วมกัน เช่น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจต้องใช้ฟิลเลอร์เนื้อแน่นเพื่อทดแทนการยุบตัวของกระดูกในชั้นผิวลึก และใช้ฟิลเลอร์เนื้อละเอียดสำหรับเก็บรายละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและเรียบเนียนยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ สภาพผิวของคนไข้ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ในกรณีคนที่มีผิวบางหรือผิวแห้ง ควรใช้ฟิลเลอร์ที่มีการกระจายตัวได้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงการเห็นเป็นก้อนหลังฉีด ทำให้ผลลัพธ์เรียบเนียนไปกับผิว
ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อมีรุ่นไหนบ้าง ?
โดยทั่วไปแล้วคลินิกความงามมักจะไม่ได้มีฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อหรือทุกรุ่นให้บริการทั้งหมด ดังนั้นการเลือก ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ก็อาจขึ้นอยู่กับฟิลเลอร์ที่คลินิกนั้นมีให้บริการ
โดยยี่ห้อที่ได้รับความนิยมและมีการใช้งานแพร่หลายทั่วโลก ได้แก่ Juvederm, Restylane, Belotero และ Definisse ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองทั้งจากอย. ไทย และ U.S. FDA
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm
ฟิลเลอร์ Juvederm จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดดเด่นในเรื่องผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ด้วยเทคโนโลยีเอกสิทธิ์ของแบรนด์ในการผลิต ได้แก่ Hylacross Technology ทำให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง ฉีดแล้วฟูสวย
ส่วนรุ่นที่ผลิตด้วย Vycross Technology เด่นในเรื่องยกกระชับ ทนต่อการขยับได้ดี หลังฉีดดูเรียบเนียน ไม่เป็นก้อน และอยู่ได้นาน โดยรุ่นที่นิยมใช้ มีดังนี้
- Juvederm Ultra Plus ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความฟูมาก อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
- Juvederm Voluma ฟิลเลอร์เนื้อทน หลังฉีดฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
- Juvederm Volbella ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด โมเลกุลมีความละเอียดมากที่สุด อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
- Juvederm Volift ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม โมเลกุลมีความละเอียดมากกว่ารุ่น Ultra Plus เหมาะกับคนที่ผิวบาง อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
- Juvederm Volite ฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว อยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน
- Juvederm Volux ฟิลเลอร์เนื้อทน มีความยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงได้สวย คงรูปได้ดีที่สุด อยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane
ฟิลเลอร์ Restylane จากประเทศสวีเดน เป็นฟิลเลอร์ยี่ห้อแรกของโลก ผลิตด้วย NASHA Techology และ OBT Technology เอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ โดดเด่นในเรื่องการพัฒนาขนาดโมเลกุลของฟิลเลอร์ จึงมีคุณสมบัติที่หลากหลาย
เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นไปตามการขยับของใบหน้าได้ดี ช่วยยกพยุงผิว สามารถฉีดแก้ปัญหาได้หลายจุดบนใบหน้า รุ่นที่นิยมใช้ มีดังนี้
- Restylane Perlane lyft ฟิลเลอร์เนื้อแน่น คงรูปได้ดี มีความคงตัวสูง หลังฉีดไม่ฟู อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
- Restylane Vital Light ฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ เนื้อเจลอนุภาคเล็ก มีความละเอียดที่สุด อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
- Restylane Vital ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ มีความเรียบเนียน อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
- Restylane Volyme ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ใช้เติมเต็มผิวส่วนที่โหลลึกหรือตอบให้อิ่มฟูขึ้น อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
- Restylane Defyne ฟิลเลอร์เนื้อทน มีความนิ่มปานกลาง และยืดหยุ่นสูง ใช้ฉีดในผิวชั้นลึกทดแทนกระดูกที่ยุบตัว อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
- Restylane Refyne ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีความยืดหยุ่น ใช้เติมริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากการยิ้ม อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
- Restylane Classic ฟิลเลอร์เนื้อแน่น เนื้อเจลอนุภาคใหญ่ ใช้แก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
- Restylane Kysse ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีความคงตัวสูง ออกแบบมาสำหรับเติมเต็มริมฝีปากโดยเฉพาะ อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero
ฟิลเลอร์ Belotero จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผลิตด้วยเทคโนโลยี Cohesive Polydensified Matrix (CPM) ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ที่มีความเรียบเนียนสูง คงตัว ไม่จับตัวเป็นก้อน ปั้นทรงได้สวย สามารถใช้ฉีดเสริมกระดูกหรือทดแทนเนื้อเยื่อผิวหนังที่ยุบตัวตามช่วงวัย รุ่นที่นิยมใช้ มีดังนี้
- Belotero Intense ฟิลเลอร์เนื้อทน มีความยืดหยุ่นสูง ใช้แก้ปัญหาร่องลึกที่เกิดจากการยุบตัวของเนื้อเยื่อผิวหนัง อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
- Belotero Volume ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความยืดหยุ่น และคงตัวสูง อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
- Belotero Soft ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด มีโมเลกุลเล็ก นิยมใช้เก็บรายละเอียดใต้ตาชั้นตื้น อยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน
- Belotero Revive ฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ เป็นฟิลเลอร์รุ่นแรกของโลกที่มีส่วนประกอบของกรีเซอรอล ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้น บำรุงผิวให้อิ่มน้ำ ฉ่ำวาว และลดริ้วรอยเล็ก ๆ อยู่ได้นานประมาณ 6-9 เดือน
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Definisse
ฟิลเลอร์ Definisse จากประเทศอิตาลี นำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทยโดยบริษัท เอ.เมนาริ (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยนวัตกรรม XTR™ Technology ทำให้สารไฮยาลูรอนิก แอซิด สานกันเป็นร่างแห ที่ช่วยในการยกพยุง และปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งเนื้อฟิลเลอร์คงสภาพดี ปั้นทรงง่าย รุ่นที่นิยมใช้มีดังนี้
- Definisse Restore ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม มีความแข็งปานกลาง เหมาะกับการเติมริ้วรอยร่องลึก ริ้วรอยหย่อนคล้อยตามวัย อยู่ในนานประมาณ 12 เดือน
- Definisse Core ฟิลเลอร์เนื้อแน่น เหมาะกับการใช้เสริมกระดูก ปรับรูปหน้า อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
- Definisse Touch ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เนียนละเอียด ขึ้นรูปได้ดี อยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน
ตำแหน่งฉีดฟิลเลอร์บนใบหน้า เลือกฉีดยี่ห้อไหนดี ?
ตำแหน่งต่าง ๆ บนใบหน้าเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ? โดยทั่วไปแล้วก่อนที่จะฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะทำการประเมินสภาพปัญหาบนใบหน้า เพื่อแนะนำรุ่นของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและเรียบเนียน ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี ?
บริเวณใต้ตามีผิวที่ค่อนข้างบาง การเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีสำหรับผิวใต้ตานั้น ควรใช้ฟิลเลอร์ใต้ตาที่มีความยืดหยุ่นสูงและไม่ฟูมากเกินไป เพราะถ้าฟิลเลอร์มีความฟูมากเกินไปจะทำให้ใต้ตาดูบวมได้ ในกรณีที่มีปัญหาร่องลึกจากการทรุดตัวของกระดูก มักเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อค่อนข้างแน่นเพื่อเสริมในผิวชั้นลึก
โดยฟิลเลอร์ยี่ห้อ/รุ่น ที่แนะนำมีดังนี้
- Juvederm Voluma
- Juvederm Volite
- Juvederm Volux
- Restylane Defyne
- Restylane Vital Light
- Restylane Vital
- Restylane Perlane lyft
- Restylane Classic
- Belotero Volume
- Belotero Revive
- Belotero Soft
- Definisse Touch
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี ?
การฉีดฟิลเลอร์ปากได้รับความนิยมอย่างมากในการปรับรูปทรงปากให้ดูสวยได้สัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นปากทรงเกาหลี ปากสายฝอ หรือปากกระจับ
นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาปากแห้ง ปากแตก ทาลิปแล้วตกร่องอีกด้วย สำหรับปากควรใช้ฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง เพราะเป็นบริเวณที่มีการขยับเคลื่อนไหวบ่อย การเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีสำหรับปากจึงควรคำนึงถึงคุณสมบัตินี้เป็นหลัก
โดยฟิลเลอร์ยี่ห้อ/รุ่น ที่แนะนำมีดังนี้
- Juvederm Ultra Plus
- Juvederm Voluma
- Juvederm Volift
- Juvederm Volite
- Restylane Vital Light
- Restylane Volyme
- Restylane Refyne
- Restylane Kysse
- Belotero Volume
- Belotero Revive
- Definisse Touch
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ยี่ห้อไหนดี ?
ปัญหาร่องแก้มลึก ริ้วรอยข้างแก้ม ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ซึ่งเกิดได้จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น กระดูกทรุดตัว หรือชั้นผิวบางลง การเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีสำหรับฉีดแก้ม ควรใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มที่มีเนื้อแน่นและเนื้อนิ่ม เพื่อช่วยเติมเต็มร่องแก้มให้ดูเต็มสวย ไม่เป็นก้อนหลังฉีด
โดยฟิลเลอร์ยี่ห้อ/รุ่น ที่แนะนำมีดังนี้
- Juvederm Ultra Plus
- Juvederm Voluma
- Juvederm Volift
- Juvederm Volux
- Restylane Volyme
- Belotero Intense
- Definisse Restore
- Definisse Touch
ฉีดฟิลเลอร์คาง ยี่ห้อไหนดี ?
การฉีดฟิลเลอร์คางช่วยเพิ่มความยาวของคาง แก้คางบุ๋ม หรือคางตัด ปรับโครงหน้าให้มีมิติมากขึ้น โดยการเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีสำหรับคาง จะใช้ฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวสูง เนื้อค่อนข้างแข็ง เพื่อเสริมกระดูกและปรับรูปคางให้ดูเป็นธรรมชาติ
โดยฟิลเลอร์ยี่ห้อ/รุ่น ที่แนะนำมีดังนี้
- Juvederm Voluma
- Juvederm Volux
- Restylane Perlane Lyft
- Belotero Intense
- Definisse Core
ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ยี่ห้อไหนดี ?
การฉีดฟิลเลอร์ขมับช่วยเติมเต็มบริเวณขมับที่ตอบ ขมับยุบให้ดูเต็มสวย ทำให้ใบหน้าดูสมดุลและละมุนมากขึ้น การเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่ใช้ฉีดขมับ ควรเลือกฟิลเลอร์รุ่นที่ฉีดแล้วดูเต็มสวย มีความฟู และทนต่อการขยับได้ดี เพื่อให้ผลลัพธ์ดูสวยอย่างเป็นธรรมชาติ
โดยฟิลเลอร์ยี่ห้อ/รุ่น ที่แนะนำมีดังนี้
- Juvederm Ultra Plus
- Juvederm Voluma
- Juvederm Volux
- Restylane Volyme
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ยี่ห้อไหนดี ?
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากมักนิยมทำคู่กับการฉีดฟิลเลอร์ขมับ เพื่อให้รูปหน้าเต็มสวย และรับกันพอดี การเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีสำหรับฉีดหน้าผาก ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียด หรือเนื้อนิ่มที่เกลี่ยง่าย ไม่เป็นก้อน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติมากที่สุด
โดยฟิลเลอร์ยี่ห้อ/รุ่น ที่แนะนำมีดังนี้
- Juvederm Volbella
- Restylane Vital
วิธีเช็กยี่ห้อฟิลเลอร์ว่าแท้ หรือปลอม ?
การเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่ใช้ฉีดเพื่อความปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ดี ต้องแน่ใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้ ไม่ใช่ของปลอม การตรวจสอบฟิลเลอร์ว่าแท้หรือปลอม โดยสามารถเช็กได้ดังนี้
- ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ : ฟิลเลอร์ของแท้จะมีบรรจุภัณฑ์ที่เรียบร้อย ยังไม่มีร่องรอยการแกะใช้งาน
- มีฉลากและรายละเอียดผลิตภัณฑ์ชัดเจน : ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่เลือกใช้ควรมีเลขทะเบียน อย. ไทย และ เอกสารกำกับภาษาไทยชัดเจน เพื่อยืนยันความปลอดภัยและคุณภาพ
- หมายเลข Lot. ตรงกัน : ตรวจสอบหมายเลข Lot. ที่กล่องต้องตรงกันทั้ง 4 จุด ได้แก่ เลข lot ที่กล่อง, เลข lot ที่ซอง, เลข lot ที่สติกเกอร์ และเลข lot ที่หลอด
- สแกน QR Code (บางยี่ห้อ) : ปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลายยี่ห้อที่มี QR Code บนบรรจุภัณฑ์ที่สามารถสแกนเพื่อตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ เช่น ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane สามารถสแกนผ่านแอปพลิเคชัน Eztracker ได้ หากสแกนแล้วไม่พบข้อมูล หรือข้อมูลไม่ตรงกับที่ระบุไว้ อาจเป็นสัญญาณว่าเป็นของปลอม
ทั้งนี้ควรระวังฟิลเลอร์ปลอมโดยสังเกตจากบรรจุภัณฑ์ หากพบว่ามีลักษณะไม่เรียบร้อย มีรอยฉีกขาด หรือฉลากไม่ชัดเจน อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงฟิลเลอร์ปลอมได้ นอกจากนี้หากพบฟิลเลอร์ที่มีราคาถูกผิดปกติ ควรระวังว่าอาจเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่มีคุณภาพ
สรุปเรื่องการเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ?
การเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี จำเป็นต้องให้แพทย์ประสบการณ์สูงประเมินใบหน้าและสภาพปัญหาก่อนค่ะ เพื่อได้รับคำแนะนำว่าควรเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน รุ่นใด เพื่อให้เหมาะกับสภาพผิว ตำแหน่งที่ฉีด ที่สำคัญคือการเลือกทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี มีความปลอดภัยที่สุด
Leave a Reply