เจาะลึก! ฟิลเลอร์ Juvederm ฉีดจุดไหนได้บ้าง ? อยู่ได้นานแค่ไหน ?

หากหาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ น่าจะคุ้นชื่อของ “ฟิลเลอร์ Juvederm” กันมาบ้าง เพราะเป็นฟิลเลอร์ ที่หลายคลินิกเลือกใช้ และยังเป็นฟิลเลอร์อันดับต้น ๆที่หมอส่วนใหญ่แนะนำให้ใช้เพื่อปรับรูปหน้า 

ฟิลเลอร์ Juvederm มีจุดเด่นอะไร ? ดีอย่างไร ? ทำไมหมอถึงแนะนำ บทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้ให้มากขึ้น

ทำความรู้จัก! ฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร ?

ฟิลเลอร์ Juvederm คือ หนึ่งในยี่ห้อสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่ใช้สำหรับปรับรูปหน้า แก้ปัญหาริ้วรอย หรือเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัท Allergan ซึ่งเป็นบริษัทยาและเทคโนโลยีทางการแพทย์รายใหญ่ เจ้าของเดียวกับโบท็อกซ์ Allergan และเครื่อง CoolSculpting 

ด้านความปลอดภัย ฟิลเลอร์ Juvederm ได้รับการยอมรับจากแพทย์หลายประเทศทั่วโลก และผ่านการรับรองจาก U.S. FDA  รวมถึง อย.ไทย

ฟิลเลอร์ Juvederm มีจุดเด่นอย่างไร ? 

จุดเด่นของฟิลเลอร์ Juvederm อยู่ที่เป็นฟิลเลอร์คุณภาพสูง จัดอยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์เกรดพรีเมียม สามารถคงผลลัพธ์ ได้นาน เนื้อฟิลเลอร์ให้เบลนด์ไปกับผิวได้ดี หลังฉีดไม่เป็นก้อน 

อีกหนึ่งจุดเด่นคือ ฟิลเลอร์ Juvederm คือถูกผลิตด้วย 2 เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของแบรนด์ คือ Hylacross Technology และ Vycross Technology ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติทางกายภาพแตกต่างกัน เช่น ความคงตัว ความยืดหยุ่น กระจายตัว ค่าความอุ้มน้ำ และขนาดของโมเลกุลฟิลเลอร์ ทำให้แพทย์เลือกใช้เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม

Hylacross Technology และ Vycross Technology ต่างกันอย่างไร ? 

• Hylacross Technology  

Hylacross Technology เป็นเทคโนโลยีดั้งเดิมของฟิลเลอร์ Juvederm มีจุดเด่นในเรื่องของค่าความอุ้มน้ำ หลังฉีดฟิลเลอร์จะฟูสวย เนื้อมีความละเอียด ยืดหยุ่นสูง นิยมฉีดในตำแหน่งที่มีการขยับบ่อย ๆ เช่น ร่องแก้ม หรือแก้มตอบ ฟิลเลอร์รุ่นที่ใช้เทคโนโลยีนี้ จะมาในกล่องบรรจุภัณฑ์สีม่วงล้วน ได้แก่ Juvederm Ultra Plus XC

• Vycross Technology 

Vycross Technology เป็นเทคโนโลยีล่าสุดของฟิลเลอร์ Juvederm มีจุดเด่นในเรื่องการยกกระชับ เพราะมีโมเลกุลหนาแน่น อัตราบวมน้ำหรืออุ้มน้ำน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น หลังฉีดฟิลเลอร์จะเรียบเนียนไปกับผิว ดูธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน อยู่ได้นาน สามารถฉีดเพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก เติมร่องแก้ม หรือฉีดเสริมกระดูกปรับโครงสร้างใบหน้า 

ฟิลเลอร์รุ่นที่ใช้เทคโนโลยีนี้ จะมาในกล่องบรรจุภัณฑ์สีม่วงและสีเงิน ได้แก่ Juvederm Volite, Juvederm Voluma, Juvederm Volift, Juvederm Volbella และ Juvederm Volux

ฟิลเลอร์ Juvederm แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติอย่างไร ? ฉีดตรงไหนได้บ้าง ? 

ฟิลเลอร์ Juvederm สามารถฉีดได้ทุกจุดบนใบหน้า เพราะมีรุ่นให้เลือกหลากหลาย แต่เราขอแนะนำ 6 รุ่นที่นิยมใช้ในคลินิกหลาย ๆ แห่ง โดยแต่ละรุ่นจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนี้ 

• Juvederm Ultra Plus เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ฟูมาก เหมาะกับการฉีดร่องลึก ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามช่วงวัย เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก 
• Juvederm Voluma มีลักษณะเป็นฟิลเลอร์เนื้อทน ฟูปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการฉีดใต้ตาชั้นลึก ร่องแก้ม สามารถใช้ฉีดเสริมคางได้ 
• Juvederm Volbella ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด โมเลกุลเล็กละเอียดมาก เหมาะกับการเติมร่องลึกบริเวณหน้าผาก ให้เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน 
• Juvederm Volift ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เหมาะกับเคสที่ผิวบาง ฉีดได้หลายจุด เช่น บริเวณใต้ตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก สามารถใช้ฉีดเก็บรายละเอียดได้ดี 
• Juvederm Volite ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม บางคนอาจเรียกฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ สามารถใช้ฉีดเติมความชุ่มชื้นให้ผิวโดยตรง นิยมฉีดเป็นฟิลเลอร์สกินบูสเตอร์ แก้ผิวแห้ง ปรับผิวฉ่ำโกลว์ Glass Skin ใช้เก็บรายละเอียดที่ผิวใต้ตาชั้นตื้น แก้ปากแห้งโดยเพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปากเพียงเล็กน้อย หรือฉีดฟิลเลอร์มือ แก้มือเหี่ยว
• Juvederm Volux ฟิลเลอร์เนื้อทน มีความยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงได้สวย คงรูปได้ดีที่สุด นิยมฉีดเสริมกระดูกใต้ตาหรือเติมร่องแก้มชั้นลึก รวมถึงฉีดปรับโครงสร้างใบหน้า เช่น เสริมคาง แก้ขมับตอบ

สำหรับการเลือกรุ่นฟิลเลอร์ Juvederm เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหา แพทย์จะช่วยประเมินสภาพปัญหาและแนะนำรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมให้ ซึ่งในแต่ละบุคคล ในจุดฉีดบริเวณเดียวกันอาจใช้ฟิลเลอร์ต่างรุ่นก็ได้เช่นกัน 

ฟิลเลอร์ Juvederm อยู่ได้นานแค่ไหน ?

ฟิลเลอร์ Juvederm ในแต่ละรุ่นจะมีอายุการคงอยู่ของผลลัพธ์ที่ต่างกัน เฉลี่ยอยู่ได้นาน 12-24 เดือน แล้วแต่รุ่น นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดของแต่ละคนร่วมด้วย 

ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาเท่าไหร่ แพงกว่ายี่ห้ออื่นจริงหรือ ?

ราคาเริ่มต้นของฟิลเลอร์ Juvederm ประมาณ 12,000-18,000 บาทต่อ 1 CC ค่ะ ราคาจะแตกต่างกันออกไปตามรุ่นที่เลือก โปรโมชันช่วงนั้น และค่ามือหมอ หากฉีดกับแพทย์มากประสบการณ์ ใช้เทคนิคพิเศษ หรือจุดที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ฟิลเลอร์ปาก หรือฟิลเลอร์ดอลลี่อาย ราคาก็จะเพิ่มขึ้นอีก

ในประเด็นเรื่องราคาแพงกว่ายี่ห้ออื่นไหม ? จริง ๆ แล้ว ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาใกล้เคียงกับยี่ห้อฟิลเลอร์จากแบรนด์ฝั่งยุโรป เช่น Restylane จากสวีเดน, Belotero สวิตเซอร์แลนด์, Definiese จากอิตาลีค่ะ แต่ราคาจะสูงกว่าฟิลเลอร์ฝั่งเกาหลี

ฉีดฟิลเลอร์ Juvederm กับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นได้ไหม ?

สำหรับใครที่เคยฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นมา แต่รู้สึกว่าสลายเร็วไป อยากคงความจึ้งให้นานขึ้น สามารถเติมตำแหน่งเดียวกันด้วยฟิลเลอร์ Juvederm ได้ค่ะ เพราะเป็นสาร HA เหมือนกัน

นอกจากนี้ในเคสที่แพทย์ประเมินว่าต้องแก้ปัญหาด้วยฟิลเลอร์มากกว่า 1 รุ่น ก็สามารถฉีด Juvederm ร่วมกันยี่ห้ออื่นได้ เช่น ใช้ฟิลเลอร์ Juvederm ฉีดเสริมใต้ตาในชั้นลึก และใช้ยี่ห้อ Restylane เก็บรายละเอียดผิวในชั้นตื้น ทั้งนี้แนะนำให้ลองปรึกษากับคุณหมอก่อนนะคะ

ฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้เช็กยังไง ? ไม่อยากโดนย้อมแมว ต้องรู้

จะฉีดฟิลเลอร์เข้าร่างกายทั้งทีก็ควรเช็กเสมอค่ะ ว่าเป็นฟิลเลอร์ของแท้และนำเข้าถูกต้องไหม เพราะหากฉีดฟิลเลอร์ปลอมที่สลายไม่หมด หรือฟิลเลอร์ยาหิ้วที่เก็บรักษาไม่เหมาะสม จนฟิลเลอร์เสื่อมสภาพ จะทำให้มีปัญหาตามมาหลังฉีด เช่น เป็นก้อน อักเสบ หรือไหลย้อย ต้องแก้ให้วุ่นวาย เจ็บซ้ำเจ็บซ้อน แถมหน้าพังอีกด้วย โดยการเช็กฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้สามารถทำได้หลายวิธี เช่น

• เช็กในเว็บไซต์ : ในเว็บไซต์ของ Allergan Thailand จะมีหน้า “ค้นหาคลินิก” ที่มีผลิตภัณฑ์ของแบรนด์อยู่ค่ะ สามารถเอารายชื่อคลินิกความงามใกล้บ้านที่สนใจไปเสิร์ชได้
• เช็กบรรจุภัณฑ์ : กล่องฟิลเลอร์ของแท้ จะหน้าตาเหมือนรูปที่เคยเห็นในสื่อโฆษณาค่ะ ควรเช็กว่ามีรอยเปิดก่อนมาถึงมือเราไหม นอกจากนี้ควรเช็กเลข lot. ในทุกจุด เช่น กล่อง หลอดยา ซอง และสติกเกอร์ ต้องตรงกันทั้งหมด
• เช็กเอกสาร : ฟิลเลอร์ Juvederm จะมีเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง
• โทรศัพท์สอบถาม : แนะนำให้นำเลข lot. โทรศัพท์ไปถามกับบริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด 02 640 4999 ต่อ 1 

สรุป

เชื่อว่า บทความนี้จะทำให้สาว ๆ รู้จักกับฟิลเลอร์ Juvederm อีกหนึ่งแบรนด์ยอดนิยมกันมากขึ้น  สำหรับผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ สิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือการเลือกคลินิกความงาม และฉีดกับแพทย์มากประสบการณ์ค่ะ เพราะแม้จะเป็นฟิลเลอร์รุ่นเดียวกัน ก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันได้