การเสริมความงามเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจอย่างมากในยุคนี้ โดยเฉพาะการเสริมรูปทรงจมูก ซึ่งเป็นจุดเด่นของใบหน้า หลายคนอาจกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัด แต่ในปัจจุบันมีทางเลือกที่ง่ายขึ้นด้วยการฉีดฟิลเลอร์จมูก ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้เวลามากในการพักฟื้นและเห็นผลลัพธ์เร็ว ส่วนจะเหมาะกับใคร ? และมีความปลอดภัยแค่ไหน ? สามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์จมูกให้มากขึ้นค่ะ
ฟิลเลอร์จมูก ดีไหม ควรทำหรือไม่ ?
ก่อนที่จะไปทำความรู้จักกับการฉีดฟิลเลอร์จมูก ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าหัตถการนี้เป็นหัตถการที่หมอส่วนใหญ่ไม่ค่อยแนะนำให้ทำค่ะ เนื่องจากการผ่าตัดเสริมซิลิโคนจมูกจะอยู่ได้คงทนกว่า สวยกว่า แต่สำหรับคนที่ต้องการทำเพราะกลัวการผ่าตัดมาก ๆ แนะนำให้พิจารณาจากปัจจัยหลายอย่าง ดังนี้
- ความคาดหวังของตนเอง หากมีความคาดหวังที่สมเหตุสมผล ฟิลเลอร์จมูกก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการเสริมจมูกให้ดูโด่ง คม เป็นสันขึ้นเล็กน้อย แต่หากมีความคาดหวังที่สูงเกินไป เช่น ต้องการจมูกโด่งมาก ปลายจมูกเชิดมาก หรือต้องการเปลี่ยนทรงจมูกที่แตกต่างจากเดิมมาก ฟิลเลอร์จมูกอาจไม่สามารถตอบโจทย์ในส่วนนี้ได้
- สภาพจมูกเดิมของตนเอง หากมีฐานจมูกเดิมที่ดีอยู่แล้ว แต่แค่ต้องการเพิ่มความคมให้กับสันจมูกหรือปลายจมูกขึ้นเล็กน้อย ฟิลเลอร์จมูกสามารถทำได้ แต่หากจมูกเดิมมีฐานจมูกแคบ สันจมูกสูง ปลายจมูกสั้น ฟิลเลอร์จมูกอาจไม่สามารถช่วยเสริมจมูกให้โด่งขึ้นได้มากนัก หรือในทางกลับกันอาจทำให้จมูกดูไม่สมดุลกับใบหน้าได้
- ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ฟิลเลอร์จมูกอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ได้ เช่น ปัญหาฟิลเลอร์ไม่สลาย เป็นก้อน บวม แข็ง จมูกบานออกด้านข้าง ไม่สวยเป็นสัน หากใช้ฟิลเลอร์ปลอม ใช้ฟิลเลอร์รุ่นที่ไม่เหมาะสม หรือฉีดผิดเทคนิคกับแพทย์ไม่เก่ง
- ค่าใช้จ่าย ฟิลเลอร์จมูกมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการผ่าตัดเสริมจมูก แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้ไม่นาน ประมาณ 6-12 เดือน และอาจต้องฉีดซ้ำเมื่อผลลัพธ์หมดไป
โดยสรุปแล้ว หากมีความคาดหวังที่สมเหตุสมผล สภาพจมูกเดิมเหมาะสม และพร้อมที่จะรับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ฟิลเลอร์จมูกก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการเสริมจมูก แบบไม่ต้องผ่าตัด แต่หากไม่แน่ใจว่าควรทำดีหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพื่อให้แพทย์ประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมให้ได้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์จมูกค่ะ
ข้อควรรู้ทั่วไปเกี่ยวกับฟิลเลอร์จมูก
ฟิลเลอร์จมูก คืออะไร ?
ฟิลเลอร์จมูก (Nose filler) คือ การใช้สารเติมเต็มชนิดไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic acid) ฉีดเข้าไปในบริเวณจมูก เพื่อปรับรูปทรงจมูกให้ดูโด่งขึ้น สันจมูกดูคมชัดขึ้น หรือแก้ไขจมูกที่ผิดรูปเล็กน้อย เช่น จมูกฮัมพ์ (hump) จมูกปลายทู่ จมูกปลายตก
ปริมาณ CC ที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์จมูก
ปริมาณ CC ที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์จมูก จะขึ้นอยู่กับปัญหาจมูกและความต้องการของคนไข้ โดยปกติแล้ว ปริมาณที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์จมูกจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 CC แต่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัญหาจมูกที่แก้ไข เช่น
- จมูกไม่โด่ง ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับความสูงของจมูกที่ต้องการ เช่น หากต้องการปรับจมูกให้สูงขึ้น 1 เซนติเมตร จะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1 CC
- สันจมูกไม่คมชัด ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับความคมชัดของสันจมูกที่ต้องการ เช่น หากต้องการปรับสันจมูกให้คมชัดขึ้น จะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 0.5 CC
- จมูกฮัมพ์ ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับขนาดของก้อนฮัมพ์ที่ต้องการปรับ เช่น หากต้องการปรับก้อนฮัมพ์ให้เรียบเนียน จะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC
นอกจากนี้ แพทย์จะพิจารณาปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้โดยคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น สภาพผิวของคนไข้ ตำแหน่งที่ฉีด ยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้
ยี่ห้อฟิลเลอร์และราคา สำหรับฉีดฟิลเลอร์จมูก
สำหรับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ในการฉีดฟิลเลอร์จมูก คือ Restylane Perlane lyft ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 14,000-16,000 บาทต่อ CC โดยราคานอกจากจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้แล้ว ยังขึ้นอยู่กับปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ เทคนิคการฉีด ประสบการณ์ของแพทย์ และโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกด้วย
ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์จมูกอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าแพทย์ ค่ายาชา ค่าเข็ม เป็นต้น
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์จมูก
- การปรึกษาก่อนการฉีด: ปรึกษากับแพทย์เพื่อหารือเกี่ยวกับรูปทรงจมูกที่ต้องการ และชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
- การเตรียมผิวหนัง: ทำความสะอาดบริเวณจมูกและอาจใช้ยาชาเพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวด
- การฉีดฟิลเลอร์: แพทย์จะใช้เข็มที่บางมากในการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในบริเวณที่ต้องการ
ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์จมูก
หลังการฉีดฟิลเลอร์จมูกจะเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ หากทำกับแพทย์ประสบการณ์สูง โดยทั่วไปแล้วจะได้ทรงจมูกสวย จมูกดูโด่งขึ้น สมส่วนกับใบหน้า ไม่บาน ไม่บวมย้อย และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลรักษาหลังการฉีด
การดูแลรักษาหลังการฉีดฟิลเลอร์จมูก
หลังการฉีดฟิลเลอร์จมูก อาจมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือคันในจุดที่ทำเป็นปกติ อาการเหล่านี้จะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน สามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการปฏิบัติตัวดังนี้
- หลีกเลี่ยงการกด แตะ แกะ เกา หรือสัมผัสบริเวณจมูก
- หลีกเลี่ยงการใส่แว่นตาหนัก ๆ ที่มีแรงกดที่สันจมูก ในช่วงแรกหลังการฉีด
- ทาครีมกันแดด SPF สูง เป็นประจำทุกวัน
- อยู่แต่ในที่อากาศเย็น และหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม.หลังทำ เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ ตากแดด
- งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ทานยาที่แพทย์จ่ายให้หลังทำต่อเนื่องจนครบ เพื่อช่วยลดอาการบวม และป้องกันการติดเชื้อ
- งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เช่น RF thermage ควรเว้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังทำ
- ดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอวันละ 1.5-2 ลิตร จะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
ข้อดี- ข้อจำกัด ฉีดฟิลเลอร์จมูก
ข้อดีฟิลเลอร์จมูก
✔ ไม่ต้องผ่าตัด: การฉีดฟิลเลอร์จมูกเป็นวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัด ลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดและการฟื้นตัวนาน
✔ ผลลัพธ์ทันที: ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นได้ทันทีหลังการฉีด
✔ ปรับแต่งได้ง่าย: สามารถปรับปรุงและแก้ไขรูปทรงจมูกได้ง่ายในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนแปลง
✔ การฟื้นตัวรวดเร็ว: ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน สามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันที
ข้อจำกัดฟิลเลอร์จมูก
✖ ผลลัพธ์ชั่วคราว: ฟิลเลอร์จะคงอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน จำเป็นต้องฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
✖ ความเสี่ยง: หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญก็มีความเสี่ยงที่ฟิลเลอร์จะเข้าเส้นเลือดหรือเข้าตาได้
✖ ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ: หากไม่ได้ฉีดโดยแพทย์ประสบการณ์สูง อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ดูเป็นธรรมชาติ
✖ จำกัดในการแก้ไข: ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจมูกที่ซับซ้อนได้เท่าการผ่าตัดเสริมซิลิโคนจมูก
ฟิลเลอร์จมูก อันตรายไหม ?
จมูกเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดชื่อ Dorsal nasal artery ที่เชื่อมต่อเข้ากับลูกตา หากทำการฉีดฟิลเลอร์จมูกกับแพทย์ที่ขาดความรู้ ขาดความชำนาญ มักจะฉีดฟิลเลอร์จมูกโดนเส้นเลือดเส้นนี้และทำให้ตาบอดได้
นอกจากนี้ ยังอาจมีความเสี่ยงบางประการที่ควรรู้และพิจารณา คือ:
- อาการบวมและช้ำ: หลังการฉีด อาจเกิดอาการบวมหรือช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน
- การติดเชื้อ: แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่การติดเชื้อเป็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
- การเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์: มีโอกาสที่ฟิลเลอร์อาจเคลื่อนที่ไปยังบริเวณอื่นของใบหน้า
- ผลลัพธ์ที่ไม่ตรงกับความคาดหวัง: บางครั้งผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้
วิธีการลดความเสี่ยง
เพื่อลดความเสี่ยงจากการฉีดฟิลเลอร์จมูก สิ่งที่ควรทำคือ:
- เลือกคลินิกและแพทย์ที่มีประสบการณ์: ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและแพทย์ที่มีความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์จมูก
- เลือกคลินิกที่ใช้ฟิลเลอร์แท้ : ฟิลเลอร์แท้ที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์จมูก คือฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด ที่ผ่านการรับรองการองค์การอาหารและยา (อย.) เท่านั้น
- ปฏิบัติตามคำแนะนำก่อนและหลังการฉีด: ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อลดความเสี่ยงหลังการฉีด
- ตรวจสอบประวัติการแพ้: แจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติการแพ้ของตัวเอง
- ปรึกษาแพทย์: หากมีข้อสงสัยหรือความกังวลใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีด
2 วิธีไม่ต้องผ่าตัด แต่ช่วยเสริมจมูกให้ดั้งดูคม เป็นสันชัดขึ้นได้
สำหรับใครที่กลัวการผ่าตัดมาก ๆ แต่ยังไม่อยากฉีดฟิลเลอร์จมูก ยังมีวิธีเสริมจมูก แบบไม่ต้องผ่าตัดวิธีอื่น ๆ ที่หมอแนะนำอีก 2 วิธี คือ การร้อยไหมจมูก และ การฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก ซึ่งเป็นทางเลือกเสริมจมูกให้ดูโด่งขึ้น สันจมูกคมชัดขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด มีความปลอดภัยสูง เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ และมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้น้อยกว่า
- ร้อยไหมจมูก
ร้อยไหมจมูก คือ การร้อยไหมละลายชนิดพิเศษเข้าไปในผิวหนังบริเวณจมูก เพื่อช่วยยกกระชับผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อนบริเวณจมูก ทำให้จมูกดูโด่งขึ้น สันจมูกคมชัดขึ้น โดยใช้เวลาในการทำประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนไหมที่ร้อย
- ฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก
ฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก คือ การฉีดโบท็อกเข้าไปในกล้ามเนื้อบริเวณสันจมูก เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ดึงสันจมูกให้แบนราบลง ทำให้สันจมูกดูโด่งขึ้น โดยใช้เวลาในการทำประมาณ 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณโบท็อกที่ฉีด
ข้อดีของการร้อยไหมจมูก และ ฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก
✓ ปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
✓ เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ
✓ ไม่ต้องพักฟื้น
✓ ใช้เวลาในการทำไม่นาน
✓ ราคาไม่แพง
ข้อจำกัดของร้อยไหมจมูก และ ฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก
❌ ไม่สามารถแก้ไขจมูกที่ผิดรูปมากได้
❌ ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือน
ร้อยไหมจมูก และ ฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก เหมาะกับใคร ?
ร้อยไหมจมูก และ ฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาจมูกไม่โด่ง สันจมูกไม่คมชัด ยิ้มแล้วสันจมูกแบน รวมถึงมีรอยย่นที่สันจมูก แต่ไม่ต้องการผ่าตัดเสริมจมูก
ส่วนผู้ที่มีปัญหาสันจมูกไม่คมชัด ไม่โค้งมน ไม่เป็นสัน จมูกปลายทู่ จมูกปลายตก ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการร้อยไหมจมูกดีดปลายจมูกให้โด่งเป็นสันขึ้นได้
ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจร้อยไหมจมูก หรือฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพื่อประเมินและเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพจมูก
สรุป
การเสริมจมูกด้วยการฉีดฟิลเลอร์จมูก หรือการร้อยไหมจมูกและฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก เป็นเพียงตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงของจมูกตัวเองให้ดูดีขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดเท่านั้น ในการเลือกวิธีเสริมจมูกที่เหมาะสมกับตนเอง มีปัจจัยหลายอย่างที่ควรคำนึงถึง ก่อนทำควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์แนะนำแนวทางที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการและมีความปลอดภัยค่ะ
Leave a Reply