การเสริมความงามด้วยฟิลเลอร์คาง เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย สมส่วนยิ่งขึ้น ฟิลเลอร์คางไม่เพียงแต่เพิ่มความมั่นใจแต่ยังเป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลทันที หลายคนอาจสงสัยว่าฟิลเลอร์คางจะอยู่ได้นานแค่ไหน ? และควรดูแลตัวเองอย่างไรบ้างหลังทำ ? ในบทความนี้มีคำตอบค่ะ
ฟิลเลอร์คาง คืออะไร ?
ฟิลเลอร์คาง เป็นวิธีการใช้สารไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic acid – HA) ซึ่งเป็นสารที่คล้ายกับสารธรรมชาติในร่างกายของเรา พบได้ในผิวหนัง กระดูกอ่อน เส้นเอ็น และดวงตา มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำได้ดี ทำให้ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน และยืดหยุ่น ฉีดเข้าไปในบริเวณคาง เติมเต็มเนื้อเยื่อบริเวณนั้นให้ดูเต็มขึ้น ส่งผลให้คางดูยาวขึ้น หน้าดูเรียวขึ้น และใบหน้าดูสมมาตรมากขึ้น โดยฟิลเลอร์คางจะสลายตัวไปเองตามธรรมชาติภายใน 1-2 ปี จึงไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้าง
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง
การฉีดฟิลเลอร์คางมีข้อดีหลายข้อ เช่น:
- เพิ่มมิติให้กับหน้า: ช่วยให้หน้าดูมีมิติและสมดุล
- ปรับรูปทรงคาง: สามารถปรับรูปทรงคางให้เข้ากับโครงหน้า
- ผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติ: ฟิลเลอร์มีความปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- ไม่ต้องพักฟื้นนาน: สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เร็วหลังการฉีด
ฟิลเลอร์คางอยู่ได้นานแค่ไหน ?
ปกติแล้วฟิลเลอร์คางสามารถอยู่ได้ระหว่าง 12-24 เดือน แต่อาจมีความแตกต่างตามชนิดของฟิลเลอร์และสภาพผิวของแต่ละบุคคล หลายปัจจัยเช่น ไลฟ์สไตล์, ระบบการเผาผลาญของร่างกาย, และการดูแลตัวเองหลังการฉีดมีผลต่อระยะเวลาที่ฟิลเลอร์อยู่ได้
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาการอยู่ได้ของฟิลเลอร์คาง
ฟิลเลอร์คางจะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ดังนี้
- ยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้ ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมีส่วนผสมและโครงสร้างที่แตกต่างกัน ฟิลเลอร์ที่เป็นสาร Hyaluronic Acid จะอยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน
- ปริมาณของฟิลเลอร์ที่ฉีด ฟิลเลอร์ที่ฉีดในปริมาณมากจะสลายตัวได้เร็วกว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดในปริมาณน้อย
- ตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ที่ฉีดบริเวณคางจะสลายตัวได้เร็วกว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดบริเวณอื่น เพราะบริเวณคางมีการเคลื่อนไหวมากกว่าบริเวณอื่น
- การดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ การหลีกเลี่ยงการกดหรือบีบบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของฟิลเลอร์คาง ได้แก่
- อายุและสุขภาพของร่างกาย ผู้ที่มีอายุมากหรือมีสุขภาพร่างกายไม่ดี อาจทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวได้เร็วกว่าผู้ที่มีอายุน้อยหรือมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
- กรรมพันธุ์ ผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่ายหรือมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการแพ้ อาจทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวได้เร็วกว่าผู้ที่ผิวปกติ
หากต้องการยืดอายุการใช้งานของฟิลเลอร์คาง สามารถปรึกษาแพทย์ประสบการณ์สูงเพื่อแนะนำวิธีการดูแลที่เหมาะสม
ตารางระยะเวลาในการคงอยู่ของฟิลเลอร์คาง แต่ละยี่ห้อ
ยี่ห้อ | ส่วนผสม | ระยะเวลาในการคงอยู่ |
Juvederm Voluma |
Hyaluronic Acid |
18 เดือน |
Juvederm Volux |
Hyaluronic Acid |
18-24 เดือน |
Restylane Perlane Lyft |
Hyaluronic Acid |
12เดือน |
Belotero Intense |
Hyaluronic Acid |
18 เดือน |
Definisse Core |
Hyaluronic Acid |
18 เดือน |
Flore Max |
Hyaluronic Acid |
9-12 เดือน |
Biohyalux Deep Dermis |
Hyaluronic Acid |
9-12 เดือน |
ถ้าฟิลเลอร์คางเป็นก้อน สลายเองได้ไหม ?
ฟิลเลอร์คางที่ทำจากสารไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) มีคุณสมบัติในการสลายตัวเองได้โดยธรรมชาติ จึงไม่จำเป็นต้องขูดออก ในกรณีที่ผลลัพธ์หลังการฉีดไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ไม่เรียบเนียน หรือมีก้อน คนไข้สามารถฉีดสาร Hyaluronidase เพื่อช่วยสลายฟิลเลอร์ที่ไม่ต้องการได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับฟิลเลอร์ที่ไม่ใช่ฟิลเลอร์แท้ เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน การฉีดประเภทนี้อาจต้องแก้ไขโดยการผ่าตัดหรือการขูดออก เนื่องจากไม่สามารถสลายตัวได้เอง และหากปล่อยไว้อาจนำไปสู่การอักเสบหรือการติดเชื้อในอนาคตได้ค่ะ
การดูแลตัวเองหลังทำฟิลเลอร์คาง
การดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์คางเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้คงอยู่ได้นานและลดโอกาสเกิดปัญหา ดังนี้ :
ด้านอาหารการกิน
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและซ่อมแซมตัวเองได้เร็วขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยให้ร่างกายขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด อาหารที่มีไขมันสูง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน เพราะอาจทำให้อาการบวมช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์คางนานขึ้น
ด้านการนอนหลับพักผ่อน
- นอนหัวสูงกว่าหน้าอก โดยหนุนหมอนที่ศีรษะอย่างน้อย 2 ใบ เพื่อช่วยบรรเทาอาการบวมช้ำ
- หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวหรือฉีดออกได้
- นอนหลับให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวและซ่อมแซมตัวเองได้เร็วขึ้น
- นอนหัวสูงกว่าหน้าอก หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง
การดูแลอื่น ๆ
- หลีกเลี่ยงการกดหรือบีบบริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวได้
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่อาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดการกระทบกระแทก เช่น การเล่นกีฬา ออกกำลังกายหนัก ๆ การนอนตะแคง หรือการกดทับบริเวณที่ฉีด
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดหลังการฉีด
- หากมีอาการบวมช้ำมากหรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
ปัญหาที่ควรระวังหลังการฉีดฟิลเลอร์คาง
- อาการบวมช้ำและรอยแดง เป็นอาการที่พบได้บ่อยหลังการฉีดฟิลเลอร์คาง อาการจะค่อย ๆ ลดลงและหายไปเองภายใน 3-5 วัน
- อาการเจ็บ อาการเจ็บเป็นอาการที่พบได้น้อย อาการจะดีขึ้นเองภายใน 1-2 วัน
- อาการคัน อาการคันเป็นอาการที่พบได้น้อย อาการจะดีขึ้นเองภายใน 1-2 วัน
- อาการติดเชื้อ เป็นอาการที่พบได้น้อยมาก อาการจะแสดงออกด้วยการบวมแดง ปวด ร้อน และอาจมีหนองไหล กรณีนี้หากพบหลังฉีดฟิลเลอร์คางควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
- การเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ เป็นอาการที่พบได้น้อยมาก อาการจะแสดงออกด้วยการบิดเบี้ยวของรูปทรงคาง กรณีนี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
- การแพ้ การแพ้เป็นอาการที่พบได้น้อยมาก อาการจะแสดงออกด้วยการบวมแดง คัน ปวด และอาจมีผื่นขึ้น กรณีนี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
คำถามเกี่ยวกับฉีดฟิลเลอร์คางที่พบบ่อย
ฟิลเลอร์คางเจ็บไหม ?
👉 โดยทั่วไปไม่เจ็บมาก, แต่อาจมีความรู้สึกไม่สบายบ้างเล็กน้อยในช่วงการฉีด
สามารถกลับไปทำงานหลังฉีดได้เลยไหม ?
👉 ได้, แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากหรือแสงแดดจัดในช่วงแรก
ต้องดูแลตัวเองอย่างไรหลังการฉีด ?
👉 หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดที่บริเวณที่ฉีด, ทานอาหารที่เคี้ยวง่าย, และหลีกเลี่ยงความร้อนสูง
สามารถใช้เครื่องสำอางได้หลังฉีดเลยไหม ?
👉 ควรรออย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนใช้เครื่องสำอางบนบริเวณที่ฉีด
ถ้าเกิดปัญหาหลังฉีดควรทำอย่างไร ?
👉 ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม
ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์คาง มีข้อควรรู้ ดังนี้:
- ปรึกษาแพทย์มืออาชีพมากประสบการณ์: การปรึกษากับแพทย์ผู้ที่มีประสบการณ์เป็นขั้นตอนแรกที่คุณควรทำ เพื่อประเมินว่าฟิลเลอร์คางเหมาะสมกับคุณหรือไม่ และเพื่อวางแผนการฉีดที่เหมาะสมกับรูปหน้าของคุณ
- ทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟิลเลอร์: มีหลายชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับคาง แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและระยะเวลาที่ต่างกัน ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่จะใช้
- การเตรียมตัวก่อนฉีด: ก่อนการฉีด ควรหลีกเลี่ยงการทานยาหรืออาหารเสริมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเลือดออกหรือช้ำ เช่น ยาแอสไพรินหรืออาหารเสริมที่มีโอเมก้า 3
ประเภทฟิลเลอร์ ที่ใช้สำหรับฉีดฟิลเลอร์คาง
ฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับฉีดคาง ที่นิยมมากที่สุด คือ ฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid Fillers) นิยมใช้เพราะเป็นสารเติมเต็มผิว ที่มีข้อดีหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็น ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด ไม่ต้องพักฟื้น ราคาไม่สูงมาก
นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิค แอซิดยังสามารถใช้แก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ เช่น ริ้วรอยร่องลึก ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องใต้ตา ริมฝีปากบาง คางเล็ก แก้มตอบ ร่องลึกจากแผลเป็น เช่น แผลเป็นจากสิว แผลเป็นจากอุบัติเหตุ
ความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์คาง
ความปลอดภัยเป็นประเด็นที่ไม่ควรมองข้าม เมื่อตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์คาง:
✔ ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน: การฉีดฟิลเลอร์คางควรทำที่คลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรอง
✔ ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ที่ทำการฉีดเป็นแพทย์จริงและมีประสบการณ์สูงด้านการฉีดฟิลเลอร์คาง
✔ ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์คางของแท้ : ตรวจสอบฟิลเลอร์ของแท้ได้ทุกขั้นตอน เช่น ตรวจสอบเลข Lot ,วันหมดอายุ ,Scan QR Code , แกะกล่องให้ดูต่อหน้า ,อนุญาตให้นำกล่องกลับบ้าน รวมไปถึงโทรเช็กเลข Lot. กับบริษัทผู้นำเข้าฟิลเลอร์โดยตรง
✔ควรทำความเข้าใจความเสี่ยง: ทุกการทำหัตถการมีความเสี่ยง ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงและวิธีการจัดการหากเกิดปัญหาขึ้น
คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่สนใจการฉีดฟิลเลอร์คาง
สุดท้ายสำหรับผู้ที่สนใจในการฉีดฟิลเลอร์คาง ก่อนฉีดมีคำแนะนำที่อาจมีประโยชน์ ดังนี้:
- ศึกษาข้อมูล: หาข้อมูลและอ่านรีวิวจากผู้ที่มีประสบการณ์ฉีดฟิลเลอร์คาง เพื่อให้คุณมีความเข้าใจในสิ่งที่คาดหวังและเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตัวคุณ
- ประเมินความต้องการของตัวเอง: พิจารณาว่าคุณต้องการการเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมชาติหรือชัดเจนมากกว่า และสื่อสารความต้องการนี้กับแพทย์
- งบประมาณ: พิจารณางบประมาณของคุณสำหรับการฉีดฟิลเลอร์คาง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาหลังการฉีด
- ตัดสินใจอย่างมีข้อมูล: อย่ารีบร้อนตัดสินใจ ให้เวลากับการวิจัยและการปรึกษากับแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับการดูแลที่เหมาะสมที่สุด
การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นการตัดสินใจที่ไม่ควรรีบร้อน และควรให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวและการดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังการฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดค่ะ
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นวิธีการเสริมความงามที่สามารถเปลี่ยนแปลงคางให้เรียวสวย ดูสมส่วนขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การมีความรอบคอบและความเข้าใจในการดูแลตัวเอง ทั้งก่อนและหลังการทำ รวมทั้งการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ อยู่ได้นานและไม่มีผลข้างเคียงอันตราย ทำให้มีความสุขและมั่นใจในคางใหม่